Please use this identifier to cite or link to this item:
http://ir.mju.ac.th/dspace/handle/123456789/469
Title: | SPECIES COMPOSITION OF TREE AND COFFEE
PRODUCT OF COFFEE – AGROFORESTRY
SYSTEM IN THE ROYAL – INITIATED KHUN MAE
KUANG FOREST AREA DEVELOPMENT PROJECT
CHIANGMAI PROVINCE. องค์ประกอบชนิดไม้ต้น และผลผลิตกาแฟของระบบวนเกษตรกาแฟ ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าขุนแม่กวงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ |
Authors: | Prakrong Chiangrang ประครอง เชียงแรง Lamthai Asanog แหลมไทย อาษานอก Maejo University. Maejo University - Phrae Campus |
Keywords: | วนเกษตรที่สูง ป่าต้นน้ำ ป่าดิบเขา กาแฟอาราบิก้า การจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดิน Highland-agroforestry Head watershed forest Montane forest Coffea arabica Land-used management |
Issue Date: | 2021 |
Publisher: | Maejo University |
Abstract: | The knowledge of highland agroforestry systems is essential for head watershed management for people living with the forest. This study investigated the classification of the Coffee – Agroforestry System (CAS) and comparing plant community characteristics. Also, analyzing of the relationship between plant community characteristics and coffee tree (Coffea arabica) dimension, and evaluated the plant community factors were affected coffee product (fresh seed) in the Royal – initiated Khun Mae Kuang Forest Area Development Project, Chiang Mai Province. The 20 m x 20 m permanent plots were established on CAS and natural lower montane forest included 15 plots in total. Species composition was collected for classify and analysis the plant community structure. The coffee product was collected in each sample plot for evaluate value, and analyzed the factors of plant community affected coffee product. The results show that, plant community at study sites can classified into 3 community; natural montane forest (NMF), and two sub-community of CAS as were coffee agroforestry with wild species (CAW) and coffee agroforestry with fruit species (CAF). All of tree were collected 63 species 53 genus and 35 family from 252 individual stem. The NMF community show that 45 species 41 genus from 37 family and species diversity index was 3.45. The important species of NMF site such as Cananga latifolia, Nauclea subdita, Canarium strictum, Quercus kerrii, and Magnolia baillonii. The CAW community show that 44 species 40 genus from 28 family and species diversity index was 3.49. The important species of CAW site such as Toona ciliata, Schima wallichii, Elaeocarpus tectorius, Diospyros glandulosa, and Mischocarpus pentapetalus. The CAF community show that 39 species 36 genus from 26 family and species diversity index was 2.79. The important species of CAF site such as Ficus altissima, Diospyros kaki, Camellia sinensis, Markhamia stipulata, and Diospyros glandulosa. Suggested that the CAW community showed community structure and species composition similar with NMF higher than the CAF community. Results also found that, number of coffee stem had negative significant with basal area (p<0.05), but positive significant with stem density of tree (p<0.01). Stem collar of coffee showed negative significant with stem density of tree (p<0.05). The coffee product show that negative significant with basal area and stem density of tree (p<0.05), but positive significant with tree species diversity index (p<0.01). Suggested that coffee stem highly growing on dense small tree area, and higher coffee product on low tree cover but highly diversity of tree. These results pointing that, the CAS practice in study site should consider CAW system because emphasis the plant community characteristic similar natural forest. However, should consider the suitable proportion of tree and coffee for emphasis growth and product of coffee. การสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบวนเกษตรในพื้นที่สูงมีความจำเป็นสำหรับการจัดการพื้นที่ต้นน้ำให้คนสามารถอยู่กับป่าได้ ดังนั้นการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจำแนกรูปแบบวนเกษตรกาแฟและเปรียบเทียบลักษณะของสังคมพืช รวมถึงวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของลักษณะสังคมพืชกับลักษณะของต้นกาแฟอาราบิก้า (Coffea arabica) และประเมินปัจจัยด้านสังคมพืชที่มีผลต่อผลผลิตกาแฟ ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าขุนแม่กวงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดยการวางแปลงตัวอย่างขนาด 20 เมตร x 20 เมตร จำนวน 15 แปลง ให้ครอบคลุมพื้นที่วนเกษตรกาแฟและป่าดิบเขาระดับต่ำธรรมชาติ พร้อมกับเก็บข้อมูลด้านองค์ประกอบชนิดพืชเพื่อวิเคราะห์จำแนกลักษณะโครงสร้างสังคมพืช และเก็บข้อมูลผลผลิตเมล็ดกาแฟสดภายในแปลงตัวอย่างพร้อมกับประเมินมูลค่า แล้วทำการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะสังคมพืชกับลักษณะของต้นกาแฟและผลผลิตของกาแฟ ผลการศึกษา พบว่า สังคมพืชในพื้นที่ศึกษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 สังคม ได้แก่ สังคมป่าดิบเขาระดับต่ำธรรมชาติ และสังคมวนเกษตรกาแฟ 2 สังคมย่อย ได้แก่ สังคมวนเกษตรกาแฟปลูกร่วมไม้ป่า และสังคมวนเกษตรกาแฟปลูกร่วมไม้ผล สำรวจพบชนิดไม้ต้นทั้งหมด 63 ชนิด 53 สกุล 35 วงศ์ จากไม้ทั้งหมด 252 ต้น โดยสังคมป่าดิบเขาระดับต่ำธรรมชาติ พบพันธุ์ไม้ทั้งหมด 45 ชนิด 41 สกุล 37 วงศ์ มีค่าดัชนีความหลากหลาย เท่ากับ 3.45 พบชนิดที่มีความสำคัญ เช่น หำอาว (Cananga latifolia) เงาะหนู (Nauclea subdita) โมง (Canarium strictum) ก่อดำ (Quercus kerrii) และจำปีป่า (Magnolia baillonii) เป็นต้น สังคมวนเกษตรกาแฟปลูกร่วมไม้ป่า พบพันธุ์ไม้ทั้งหมด 44 ชนิด 40 สกุล 28 วงศ์ มีค่าดัชนีความหลากหลาย เท่ากับ 3.49 พบชนิดที่มีความสำคัญ เช่น ยมหอม (Toona ciliata) ทะโล้ (Schima wallichii) สะท้อนรอก (Elaeocarpus tectorius) กล้วยฤาษี (Diospyros glandulosa) และ พะบ้าง (Mischocarpus pentapetalus) เป็นต้น ส่วนสังคมวนเกษตรกาแฟปลูกร่วมไม้ผล พบพันธุ์ไม้ทั้งหมด 39 ชนิด 36 สกุล 26 วงศ์ มีค่าดัชนีความหลากหลาย เท่ากับ 2.79 พบชนิดที่มีสำคัญ เช่น กร่าง (Ficus altissima) พลับ (Diospyros kaki) ชาเมี่ยง (Camellia sinensis) แคหัวหมู (Markhamia stipulata) และกล้วยฤาษี (Diospyros glandulosa) เป็นต้น ดังนั้นสังคมวนเกษตรกาแฟปลูกร่วมไม้ป่าจึงมีลักษณะโครงสร้างและองค์ประกอบพรรณพืชใกล้เคียงกับป่าธรรมชาติมากกว่าสังคมวนเกษตรกาแฟปลูกร่วมไม้ผล พบว่าจำนวนต้นกาแฟมีความสัมพันธ์ในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับขนาดพื้นที่หน้าตัดของไม้ใหญ่ (p < 0.05) และมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับจำนวนต้นไม้ใหญ่ (p<0.01) ส่วนขนาดความโตของคอรากของต้นกาแฟ พบว่า มีความสัมพันธ์ในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับจำนวนต้นของไม้ใหญ่ในพื้นที่ (p<0.05) ส่วนผลผลิตของกาแฟพบว่ามีความสัมพันธ์ในเชิงลบกับความหนาแน่นและขนาดพื้นที่หน้าตัดของไม้ใหญ่ (p<0.05) แต่มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับค่าดัชนีความหลากหลายของไม้ต้น (p<0.01) แสดงว่าต้นกาแฟเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีต้นไม้ขนาดเล็กปกคลุมอยู่จำนวนมาก และจะให้ผลผลิตสูงในพื้นที่ที่มีต้นไม้ปกคลุมอยู่น้อยแต่มีความหลากหลายสูง จากผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการทำระบบวนเกษตรกาแฟในพื้นที่ป่าขุนแม่กวงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ควรพิจารณาใช้ระบบวนเกษตรกาแฟปลูกร่วมไม้ป่าเพราะจะทำให้มีลักษณะสังคมใกล้เคียงกับป่าธรรมชาติ แต่ต้องพิจารณาความเหมาะสมขององค์ประกอบของชนิดไม้ต้นในพื้นที่เพื่อเป็นการเพิ่มการเติบโตและผลิตของต้นกาแฟ |
Description: | Master of Science (Master of Science (Forest Management)) วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการป่าไม้)) |
URI: | http://10.1.245.54/dspace/handle/123456789/469 |
Appears in Collections: | Maejo University - Phrae Campus |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
6208301008.pdf | 2.4 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.