ASSESSING THE PROJECT TO UPGRADE THE ECONOMY AND SOCIETY BY INTEGRATING SUB-DISTRICT (1 SUB-DISTRICT, 1 UNIVERSITY), PA PHAI SUB-DISTRICT, SAN SAI DISTRICT, CHIANG MAI PROVINCE

Abstract

This qualitative applied CIPP model to analyze the project system which comprised 4 aspects: context, input, process and focus group discussion were conducted with a sample group of 36 persons (community leaders, community development workers, project supervisors and local people). Triangulation was used for reliability testing of the research instruments. Besides, content analysis was employed. Results of study revealed the following:

1) Context Evaluation : C – The project rational was in line with the government policy, the Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation and academic service policy of Maejo University (Agricultural production). It was a project that met problems and needs of communities in creating food security in crisis situations. In addition, the project had clear objectives and was possible to put it into practice.

2) Input Evaluation : I – there was public sector collaboration network financial supported by the government. That was, 20 personnel were being hired for the project but the financial assistance was not enough for purchasing materials and equipment for workshop holding. The time frame for project implementation was appropriate. However, the activities of establishing and developing community markets and enterprise groups must take more than one year. In the early stages, project employees had problems about knowledge and skills, but were trained to be able to work in community development. Furthermore, the project had resource persons to support on training activities.

3). Process Evaluation : P – It was found that, as a whole, the project prepared an appropriate process. That was, the selection of project participants included orientation and development of project employees potential. There was development of farming skills at the household level and potential of community enterprise groups (processing for value – added). Also, there was a study on the guidelines for setting up community markets “Kad Mua – Krua Hom” regarding a complete economics system.

4) Product Evaluation : P – All of the training participants attended the training and 75 percents could put the obtained knowledge/skills in to practice. The establishment and development of the community market could still not achieve the goals due the COVID-19 pandemic. However, there was a campaign on market hygiene creating. The community enterprise potential development project aimed to implement with 9 groups. However, workshop holding had not yet been done due to inadequate budget. The project hired new graduates and community member (20 persons altogether) to help alleviate unemployment and support the prevention of COVID-19 pandemic.

For policy recommendations, the government should have a policy to promote grassroots economy in the medium and long term. In order to promote a sustainable effect on the community and continuous work, the government should support enough budgets for career development and long-term self-reliance of the community. Furthermore, the government should set a policy through integrated implementation with the local public sector as well as strategic planning on local development with the university in the area.

การประเมินโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยการประยุกต์ตัวแบบระบบ (CIPP Model) ในการวิเคราะห์ระบบโครงการ ซึ่งประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ บริบท (Context), ปัจจัยป้อน (Input), กระบวนการ (Process) และผลผลิต (Product) ด้วยการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ได้แก่ ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน คณาจารย์ผู้ดูแลโครงการ และประชาชนในพื้นที่ จำนวน 36 คน โดยการจัดเก็บข้อมูลใช้เทคนิคและเครื่องมือ ได้แก่ การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview), การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) ในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลใช้วิธีการตรวจสอบแบบสามเส้า (Triangulation) และมีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยเทคนการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการศึกษา พบว่า ผลการประเมิน สรุปได้ดังนี้

1) ด้านบริบทโครงการ พบว่า โครงการมีเหตุผลความจำเป็น กล่าวคือ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล นโยบายของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) นโยบายด้านการบริการวิชาการสู่ชุมชนของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีบุคลากรที่มีศักยภาพด้านการผลิตทางการเกษตร และเป็นโครงการที่ตรงกับปัญหาและความต้องการของชุมชนด้านการสร้างความมั่นคงในอาหารในสถานณ์วิกฤติ ตลอดจนโครงการมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน และมีความเป็นไปได้ในการนำสู่ปฏิบัติ

2) ด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการ พบว่า มีเครือข่ายความร่วมมือภาคีสาธารณะ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล เพื่อการจัดจ้างงานบุคลากรในการสนับสนุนการนำโครงการสู่ปฏิบัติ จำนวน 20 คน แต่มีจำนวนงบประมาณไม่เพียงพอในการซื้อวัสดุ อุปกรณ์ เพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ตรงตามความต้องการของชุมชน มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการ มีความเหมาะสมในกรณีการอบรมเชิงปฏิบัติการ แต่กิจกรรมการจัดตั้งและพัฒนาตลาดชุมชนและการพัฒนากลุ่มวิสาหกิจ ต้องใช้ระยะเวลามากกว่าหนึ่งปี และโครงการมีจำนวนและศักยภาพลูกจ้างโครงการเพียงพอในการสนับสนุนการพัฒนาชุมชน แม้ในระยะแรกจะมีปัญหาเรื่องความรู้และทักษะ โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาก่อนการปฏิบัติงานทำให้ความสามารถในการพัฒนาชุมชน นอกจากนั้นโครงการมีวิทยากรที่สนับสนุนการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการที่มีองค์ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์

3) ด้านกระบวนการ พบว่า โดยรวมโครงการมีการจัดกระบวนการอย่างความเหมาะสม กล่าวคือ การรับสมัครคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ มีการปฐมนิเทศและพัฒนาศักยภาพของลูกจ้างโครงการ มีการจัดกิจกรรรมในการพัฒนาทักษะด้านทำการเกษตรในระดับครัวเรือน มีการพัฒนาศักยภาพกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโดยการส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่า และการศึกษาแนวทางในการจัดตั้งตลาดชุมชน “กาดมั้ว ครัวฮอม” โดยคำนึงถึงการครบวงจรระบบเศรษฐกิจ คือ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

4) ด้านผลผลิต พบว่า 1) ผู้เข้าฝึกอบรม ความรู้และทักษะในการทำการเกษตรได้รับการฝึกอบรม ร้อยละ 100 และมีการนำองค์ความรู้และทักษะไปสู่ปฏิบัติในระดับครัวเรือน จำนวน ร้อยละ 75 2) กิจกรรมในการจัดตั้งและพัฒนาตลาดชุมชน พบว่า ยังไม่บรรลุเป้าหมาย เนื่องสถานการณ์การระบาดของเชื่อไวรัสโควิดรุนแรง แต่อย่างไรก็ตามโครงการได้ดำเนินการด้านนี้ คือ การรณรงค์การสร้างสุขลักษณะของตลาดสด และการพูดคุยถึงแนวทางในการจัดตั้งตลาดชุมชนหลังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ 3) กิจกรรมพัฒนาศักยภาพกลุ่มวิสาหกิจในชุมชน พบว่า โครงการได้มีการศึกษาข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มวิสาหกิจ จำนวน 9 กลุ่ม ตลอดจนมีการให้เสนอแนะแนวทางในการบริหารจัดการกลุ่มวิสาหกิจโดยกลุ่มลูกจ้างชุมชนแต่ไม่ได้อบรมเชิงปฏิบัติการ เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ และ 4)การจ้างงาน พบว่า โครงการมีการจ้างงานนักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ และสมาชิกในชุมชน จำนวน 20 คน โดยผลของการจ้างงานยังเป็นการพัฒนาคน ช่วยการบรรเทาปัญหาการตกงาน สนับสนุนการรณรงค์เพื่อป้องกันการเผยแพร่ของไวรัสโควิด และสนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่สมาชิกในชุมชน

ด้านข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย คือ รัฐบาลควรมีนโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากในระยะกลางและระยะยาว ทั้งนี้บางกระบวนต้องใช้ระยะเวลาที่ต่อเนื่องเกินกว่า 1 ปี ทั้งนี้เพื่อให้เกิดผลกระทบที่ยั่งยืนต่อชุมชนและหรือเกิดการทำงานอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลควรการสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอกิจกรรมพัฒนาอาชีพเทียบเท่ากับการจ้างงานชั่วคราว เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้จริงในระยะยาว รัฐบาลควรมีการออกแบบนโยบายโดยการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีสาธารณะในพื้นที่หรือเกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และรัฐควรสนับสนุนให้มีการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่นร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่